วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552

คำนิยมจากประธานเครือข่ายสร้างสรรค์เมืองสกล

ในยุคปัจจุบันคนรุ่นใหม่ เห็นคงจะไม่มีใครรู้จักว่ายันต์ เป็นอย่างไร เพราะไม่มีการศึกษาในหลักสูตรใดๆเลย เรื่องของยันต์จึงเป็นความลึกลับ อยู่ในเฉพาะกลุ่มคนที่มีความเชื่อเรื่องลึกลับ เล่นของ หรือใช้ในทำนองเพื่อปกป้องอำนาจลึกลับที่จะทำอันตรายต่อคน การที่คนรุ่นใหม่จะลงมาศึกษายันต์ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจาก มีความรู้สึกเป็นเรื่องลึกลับ งมงาย ไร้สาระ ตกยุค แต่จะปฏิเสธซะทีเดียวก็ไม่กล้า ดังวลียอดนิยมไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ แสดงถึงอิทธิพลความเชื่อในเรื่องลึกลับก็ยังมีอยู่ในสังคมไทยทั่วไป
ในศาสนาพุทธถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นล้วนแต่มีเหตุหรือที่มาทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอยๆ หรือเป็นปาฏิหาริย์ เพียงแต่เรายังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดนั่นเอง ถ้าทราบสาเหตุการเกิดเรื่องลึกลับนั้นจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาทันที ในเรื่องของยันต์ก็เช่นเดียวกัน มีสิ่งที่เป็นองค์ประกอบคือ วัสดุที่ใช้เขียน (ผ้า และหมึก) อักขระหรือรูปภาพที่สื่อถึงความเชื่อมโยงของพลัง และ พลังที่แฝงอยู่ในยันต์นั้น ถ้าเทียบเคียงกับวิทยาศาสตร์ ยันต์ก็คือแหล่งพลังงานมหาศาลที่ถูกเก็บไว้ พร้อมที่จะใช้งานถ้านำไป “เปิด” ใช้อย่างถูกวิธี ยันต์จึงเป็นภูมิปัญญาขั้นสูงของคนโบราณที่มีการค้นพบและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยไม่มีการตีพิมพ์เผยแพร่เหมือนวารสารในยุคปัจจุบัน เนื่องจากการเปิดใช้พลังงานในยันต์ ต้องอาศัยองค์ประกอบของจิตของผู้ใช้ร่วมด้วย ถ้ามีเจตนาในทางทุจริตก็อาจนำพลังงานมหาศาลนั้นไปทางทำลาย หรือในทางเพิ่มกิเลส ตัณหา อันจะนำไปสู่สังคมที่ไม่สงบสุข แต่ถ้าใช้ในทางที่ถูกต้องก็จะเกิดประโยชน์ต่อมนุษยชาติ การถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูงนี้ จึงจำเป็นต้องคัดเลือกบุคคลพิเศษที่มีวิสัยทัศน์ที่ดีต่อโลกเพื่อรับการถ่ายทอด จึงมีโอกาสสูญหายไปในที่สุด
อาจารย์วรวิทย์ ตงศิริ เป็นบุคคลที่มีความมุ่งมั่น มีจิตเป็นกุศลอย่างมาก มีความสามารถในการค้นคว้าสืบสาวหาข้อมูลมาถ่ายทอดต่อสาธารณชนให้เป็นเรื่องราวได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะเป็นข้อมูลเชิงปฏิบัติ ที่นำมาจากพระอริยสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอย่างหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อเก็บบันทึกหลักฐานเพื่อสะดวกในการอ้างอิง เช่น เทปบันทึกเสียงหลวงปู่คำพันธ์ การใช้กล้องดิจิตอลบันทึกภาพเชื่อมโยงไปสู่การใช้อักษรธรรมซึ่งมีคนศึกษาน้อยลงทุกที นำมาพิมพ์เป็นรูปเล่ม เพื่อเผยแพร่ให้คนรุ่นหลังได้รู้จักและศึกษาต่อไป ผลของการจัดพิมพ์หนังสือนี้ จะเป็นพลังผลักดันให้อาจารย์วรวิทย์ ผู้เขียนมีสติปัญญาที่เฉียบคมต่อไป
อนึ่ง หลักการในพุทธศาสนา มุ่งเน้นให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติในทางสายเอกคือ มรรคมีองค์แปด จึงขอให้ท่านผู้อ่านได้เก็บเกี่ยวประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ เพื่อไปใช้ในการเจริญรอยตามพระพุทธองค์ อันนำไปสู่ความดับทุกข์ที่ถูกต้องต่อไป

ขออนุโมทนาบุญร่วมกับผู้เขียนและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย
น.พ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์
ประธานเครือข่ายสร้างสรรค์เมืองสกล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น